ขี้เมาควรอ่าน ประกันจ่ายไหม เกิดเหตุเมาแล้วขับ
หลาย ๆ คนคงสงสัยและมีคำถามกันในใจทุกคนว่าหากเกิดเหตุ “เมาแล้วขับ จะได้รับความคุ้มครองจากประภัยไหม” วันนี้เราไปดูกัน
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนนหลัก ๆ แล้วมาจากสาเหตุ เมาแล้วขับ เป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นการแก้ปัญหาสาเหตุเหล่านี้ที่เกิดขึ้นก็คือ การออกกฎหมายและนำกฎหมายเหล่านั้นมาใช้ให้เต็มประสิทธิภาพ เพื่อเป็นการช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ทั้งนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. เอง ก็ได้มีการออกมาตรการในส่วนนี้เช่นกันเพื่อช่วยลดอุบัติเหตุ ซึ่งวิธีการหนึ่งที่มีการแก้ไขมาตรการป้องกันนั่นก็คือ การแก้ไขข้อยกเว้นในส่วนเงื่อนไขเรื่องปริมาณแอลกอฮอล์ในเส้นเลือด โดยจากเดิมตามคำสั่งนายทะเบียนที่ 22/2551 ได้กำหนดข้อยกเว้นความคุ้มครองสำหรับการประกันภัยรถยนต์ไว้ว่า “การขับขี่โดยบุคคลซึ่งในขณะขับขี่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดไม่น้อยกว่า 150 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์จะไม่ได้รับความคุ้มครอง” ให้เปลี่ยนเป็นข้อความตามคำสั่งนายทะเบียนที่ 11/2560 ความว่า “การขับขี่โดยบุคคลซึ่งในขณะขับขี่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์จะไม่ได้รับความคุ้มครอง”
เมื่อมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดข้างต้น เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งนายทะเบียนที่ 11/2560 นี้ จะส่งผลให้ผู้ขับขี่รถยนต์คันที่เอาประกันภัยภาคสมัครใจที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดเกินกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์จะไม่ได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์เมื่อมีการเกิดอุบัติเหตุขึ้น ทั้งในส่วนความเสียหายต่อรถยนต์คันที่เอาประกันภัย และในส่วนของความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ในส่วนของบุคคลภายนอกทางบริษัทประกันภัยยังคงรับผิดชอบให้ โดยทางบริษัทประกันภัยจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้บุคคลภายนอกผู้ได้รับความเสียหายไปก่อน และหลังจากนั้นทางบริษัทประกันภัยที่จ่ายค่าสินไหมทดแทนก็จะมีสิทธิที่จะไปไล่เบี้ยเรียกคืนจากผู้ขับขี่ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ในภายหลัง
การแก้ไขเปลี่ยนแปลงปริมาณแอลกอฮอล์ดังที่กล่าวมาข้างต้น จะไม่มีผลกระทบต่อความคุ้มครองในส่วนของการประกันภัยรถภาคบังคับ หรือ พ.ร.บ. แต่อย่างใด ถึงจะไปชนคนอื่นจนได้รับบาดเจ็บ แต่รถคุณมี พ.ร.บ. ทะเบียนไม่ขาด ยังไงซะทางประกันภัยภาคบังคับก็จ่ายให้เหมือนเดิม